ความแตกต่างของน้ำมันงา และ เซซามิน (สารสกัดจากงาดำ)
งาดำ (Black sesame seeds)
เป็นพืชน้ำมัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีน้ำมัน” ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง งาดำอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินบี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก ทองแดง และฟอสฟอรัส ซึ่งเหมาะสำหรับวัย 30+ และวัยสูงอายุ งาดำช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสายตา ลดอาการวัยทอง และช่วยให้ข้อแข็งแรง
ปัจจุบันเราจะพบผลิตภัณฑ์จากงาดำเป็นจำนวนมาก เช่น ผงงาดำ สารสกัดจากงาดำ รวมถึงน้ำมันงาดำ ซึ่งเป็นที่สงสัยกันในหมู่ผู้บริโภคว่า ระหว่างสารสกัดจากงาดำ และน้ำมันงาดำ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ? แล้วควรจะเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์ชนิดไหนดีกว่ากัน ? ดังนั้น วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจดังกล่าวกัน
ในเมล็ดงามีอะไรบ้าง
พบว่าในเมล็ดงาจะมีน้ำมันประมาณร้อยละ 40-59 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวประมาณ 80-85 เปอร์เซ็นต์ โดยมีกรดไขมันโอเลอิก (oleic acid) ประมาณร้อยละ 47 และกรดไขมันไลโนเลอิก (linoleic acid) ประมาณร้อยละ 39, โดยหลังจากเมล็ดงาผ่านกระบวนการสกัดน้ำมันหรือบีบน้ำมัน จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำมันงาดำ และกากงาดำ ทั้งนี้การผลิตนํ้ามันงาให้ได้มาตรฐาน จําเป็นต้องพัฒนาวิธีสกัดนํ้ามันงาที่ยังคงโภชนาการและสารออกฤทธิ์ให้คงอยู่มากที่สุด โดยในน้ำมันงานั้น จะมีสารจากงาดำชนิดที่ละลายในน้ำมันหลายชนิดปะปนกัน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ สารเซซามิน ทั้งในรูปของสารที่ออกฤทธิ์และไม่ออกฤทธิ์
สำหรับสารสกัดงาดำนั้น จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการสกัดแยกส่วนเลือกเฉพาะสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ออกจากงาดำเท่านั้น ซึ่งสารออกฤทธิ์ที่สำคัญของงาดำ ที่นิยมสกัดออกมานั่นคือ “เซซามิน” เซซามินเป็นสารแอนติออกซิแดนท์สำคัญในการต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยสารพิษ โดยในงา 1 เมล็ด จะประกอบด้วยสารเซซามินเพียง 0.2-0.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่น้อยมาก และที่สำคัญคือ สารเซซามินจะสลายตัวหากโดนความร้อนที่สูงเกินไป, นอกจากนั้นการรับประทานเมล็ดงาโดยตรง อาจทำให้ไม่ได้รับสารเซซามินอย่างเต็มที่ เนื่องจากกระบวนการย่อยของร่างกายคนเรา ไม่สามารถย่อยเมล็ดงาได้ เพราะเมล็ดงามีโครงสร้างเป็นไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำได้เปรียบเสมือนเกราะหุ้มอยู่ สารสกัดจากงาดำจึงไม่อาจถูกดูดซึมได้อย่างเต็มที่ในร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสกัดสารเซซามินออกจากเมล็ดงา ด้วยกระบวนการพิเศษ ที่สามารถเก็บรักษาคุณค่าของสารเซซามินไว้ได้อย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปริมาณสารเซซามินที่พบได้ในปริมาณน้อย กระบวนการสกัดที่ซับซ้อน และเครื่องมือสกัดที่มีราคาแพง ทำให้สารสกัดงาดำที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด มีราคาที่สูงกว่าน้ำมันงา ที่วางจำหน่ายค่อนข้างมาก
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์งาดำ
การเลือกใช้งาดำว่าควรอยู่ในรูปแบบใดนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์การใช้เป็นหลัก เช่น สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เพื่อการบำรุงกระดูก บำรุงข้อ รักษาโรคข้อเสื่อม บรรเทาอาการปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์ เสริมสร้างเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อ กระดูกอ่อน และหลอดเลือดให้แข็งแรง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล ต้านอนุมูลอิสระเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ลดอาการวัยทอง รวมถึงลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ควรเลือกรับประทานสารสกัดงาดำหรือเซซามินมากกว่า การทานน้ำมันงาต่อเนื่อง จะให้ผลเสียเรื่องของสมดุลย์ไขมันในระยะยาว ทั้งไขมันในเลือดและไขมันในตับ ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาให้ต้องแก้ไขในภายหลัง
แต่หากต้องการใช้เพื่อการประกอบอาหารหลากหลายประเภท การใชน้ำมันงาก็มีความเหมาะสม ส่วนการนวด บำรุงผม บำรุงผิวพรรณและความงามภายนอกอื่น ๆ ก็สามารถเลือกใช้น้ำมันงาได้เช่นกัน เนื่องจากต้องใช้น้ำมันในปริมาณมาก ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ การใช้นวดบำรุงให้ผมดกดำเงางาม การสปาหน้า สปาตัว รวมถึงใช้เป็นยาระบาย เป็นต้น
การเลือกรับประทานงาดำ
การเลือกรับประทานงาดำในรูปแคปซูลสารสกัดเซซามิน ที่ผ่านการวิจัยจากนักวิจัยที่น่าเชื่อถือ ว่าเป็นสูตรที่ให้ผลดี มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่มีอันตราย แม้ว่าราคาอาจจะสูงกว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์แคปซูลน้ำมันงา แต่ถือว่าเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่น่าสนใจกว่า เพราะเมื่อเทียบปริมาณสารสำคัญกับประโยชน์ที่ได้รับแล้ว มีความคุ้าค่าและปลอดภัยในระยะยาวมากกว่า
อนึ่ง นอกจากควรระวังการบริโภคน้ำมันงาแล้ว ผู้บริโภคควรระวังสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าเป็นสารสกัด โดยเลี่ยงใช้คำว่า เซซามิน โดยตรง เพื่อจะอวดอ้างว่ามีปริมาณสารสกัดสูงมากๆ ซึ่งอาจอยู่ในรูปงดบด หรืองาผง หรือเป็นงาผงที่สกัดเอาสารบางอย่างออกไป แต่ยังไม่ใช่เซซามินบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการยากสำหรับผู้บริโภคในการแยกแยะ
ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ ผู้บริโภคจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีงานวิจัยและผู้วิจัยที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง ไม่ใช่แอบอ้างงานวิจัยของผู้อื่นแล้วเสนอขายสินค้าที่ไม่ใช่เซซามินและไม่มีงานวิจัยและนักวิจัยของตัวเอง